เมื่ออายุได้ประมาณ ๑๖ ปี เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๘ ได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดจันดี (วัดทุ่งปอน) ต.หลักช้าง บรรพชาโดยอาจารย์ พระอธิการจัน เจ้าอาวาส ณ ขณะนั้น เป็นเวลา ๒ ปีต่อมาเมื่ออายุประมาณ ๒๐ ปี ได้เข้าอุปสมบท ณ อุทกสีมา วัดวังม่วง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับฉายาว่า “จันทสุวัณโณ” โดยมี พระครูกราย คงคสุวณฺโณ เจ้าอาวาสวัดหาดสูง เป็นพระอุปัชฌาย์ และอยู่จำพรรษาที่วัดจันดี ในระหว่างนี้พ่อท่านคล้ายได้ศึกษาพระอภิธรรม วิปัสสนา และบาลีจากสำนักต่างๆ
ปี พ.ศ. ๒๔๔๑ พ่อท่านคล้าย ได้เข้าศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี เรียนมูลกัจจายนะ ในสำนักพระครูกาแก้ว (ศรี) ณ วัดหน้าพระธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช จบหลักสูตรมูล พอแปลบาลีได้ศึกษาอยู่เป็นเวลา ๒ พรรษา
ปี พ.ศ. ๒๔๔๓ ต่อมาได้ศึกษาทางวิปัสสนากัมมัฏฐานที่สำนักวัดสามพัน อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีอาจารย์หนูเจ้าอาวาสเป็นผู้สอน
ปี พ.ศ. ๒๔๔๕ พ่อท่านคล้าย ได้กลับมาอยู่จำพรรษาวัดหาดสูง ใกล้ตลาดทานพอ ในสำนักพระครูกราย ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของพ่อท่าน เพื่อศึกษาวิปัสสนาและไสยศาสตร์ โดยเหตุที่พระครูกราย เป็นอาจารย์ฝ่ายวิปัสสนาและทรงวิชาคุณทางไสยศาสตร์ในสมัยนั้น
ปี พ.ศ. ๒๔๔๗ พ่อท่านคล้าย ได้ไปจำพรรษาที่วัดมะขามเฒ่า อำเภอระโนด จังหวัดสงขลาเพื่อศึกษาบาลีและพระอภิธรรมเพิ่มเติม
ปี พ.ศ. ๒๔๔๘ พ่อท่านคล้ายกลับจากวัดมะขามเฒ่า มาจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งปอน (จันดี) ตลอดเวลาที่ท่านจำพรรษา ณ ที่ใดก็ตาม ท่านได้ศึกษาค้นคว้าภาษา บาลี วิชาโหราศาสตร์ และเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ติดต่อกันมาโดยมิได้ประมาท ด้านการก่อสร้างก็ได้สร้างไว้วัดและปูชนียวัตถุตามวัดต่าง ๆ ไว้มากมาย
ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๘๘ ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดสวนขัน อำเภอฉวาง และใน พ.ศ.๒๔๙๒ ท่านได้รับ พระราชสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร พัดพิเศษ จ.ป.ร. และต่อมา พ.ศ.๒๕๐๐ ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นพิเศษฝ่ายวิปัสสนา และในปีเดียวกันนั้น ท่านยังได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดธาตุน้อย เนื่องจากมีการสร้างถนนผ่านกลางวัดจันดี ทำให้วัดถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ประชาชนได้ประชุมตกลงกันสร้างวัดใหม่ในเนื้อที่ที่แยกออกไป เรียกว่า “วัดธาตุน้อย” โดยพ่อท่านคล้ายได้มาเป็นเจ้าอาวาส และพัฒนาวัดให้เจริญงอกงามสืบต่อมา
พ่อท่านคล้ายได้ถึงแก่กาลมรณภาพ
เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๓ สิริรวมอายุ ๙๖ ปี พรรษา ๗๕ โดยช่วงเวลายาวนานที่ท่านได้อยู่ในร่มกาสาวพัตร์นั้น ท่านได้บำเพ็ญสาธารณกุศลและสาธารณะประโยชน์มากมายคือ สร้างเจดีย์ สถูป และมณฑปรวม ๑๑ องค์ สร้างโบสถ์และบูรณะโบสถ์ ๑๔ หลัง สร้างถนนรวม ๙ สาย สร้างสะพาน ๑๕ แห่งสร้างวัด ๓ วัด และบูรณะวัดต่างๆ อีกหลายวัด สร้างโรงเรียน สำนักศึกษา วิหาร หอไตร ศาลา กุฏิ บ่อน้ำ สระน้ำอีกมากมาย และช่วงบั้นปลายชีวิตของพ่อท่านคล้ายเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๕ ท่านได้วางศิลาฤกษ์สร้างพระเจดีย์วัดธาตุน้อยเพื่อบรรจุพระธาตุที่ได้จากกว๊านพะเยาเพื่อเป็นพุทธบูชาและเป็นที่กราบไหว้บูชาของชาวนครศรีธรรมราช ท่านได้พัฒนาหลายสิ่งหลายอย่างในท้องถิ่นให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข จนชาวนครฯ ต่างขนานนามท่านว่า “เทวดาเมืองคอน”
สิ่งปลูกสร้างสาธารณะ พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์
วัดสวนขัน จัดได้ว่าเป็นนักพัฒนาที่ยิ่งใหญ่มาตลอดชีวิต ทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ท่านได้เดินทางไปพัฒนาในที่ต่าง ๆ สร้างถนนสร้างสะพานไว้มากมาย ด้วยเมตตาบารมีและความเคารพศรัทธาของศิษย์และประชาชน เช่น
สร้างถนนเข้าวัดจันดี
ถนนจากตำบลละอายไปพิปูน
ถนนจากวัดสวนขันไปยังสถานีรถไฟคลองจันดี
ถนนจากตำบลละอายไปนาแว
ถนนระหว่างหมู่บ้านในตำบลละอาย
สะพานข้ามคลองคุดด้วนเข้าวัดสวนขัน
สะพานข้ามแม่น้ำตาปีจากตลาดทานพอไปนาแว
สะพานข้ามคลองเสหลา หน้าวัดมะปรางงาม
สะพานข้ามคลองจันดี เป็นต้น
เหตุการณ์มรณภาพ : เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๓ ตรงกับแรม ๙ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีจอ พ่อท่านคล้ายจะต้องเดินทางไปจังหวัดสุรินทร์ เนื่องในงานพุทธาภิเษกที่คณะพุทธบริษัท จังหวัดนั้นนิมนต์ใว้ ประมาณเวลา ๑๖.00 น. ของวันเดินทาง คณะศิษย์เห็นว่าท่านอาพาธด้วยโรคหืดอย่างกระทันหัน จึงนิมนต์พ่อท่านขึ้นรถด่วนเข้ากรุงเทพ ถึงวันรุ่งขึ้นได้นำท่านเข้าโรงพยาบาลพระมงกุฎในวันนั้น ทางคณะแพทย์ได้พยายามรักษาท่านจนเต็มความสามารถ ท่านได้รักษาอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลาถึง ๑๔ วัน อาการมีแต่ทรงกับทรุด ครั้นถึงวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ เวลา ๒๓.๐๕ น. พ่อท่านคล้าย ได้มรณะภาพลงด้วยอาการสงบ รวมสิริอายุได้ ๙๖ ปี เมื่อบำเพ็ญกุศลศพครบ ๑๐๐ วัน ทางคณะศิษยานุศิษย์จึงได้บรรจุสรีระของท่านไว้ในโลงแก้ว โดยประดิษฐานอยู่ในองค์พระเจดีย์ในวัดพระธาตุน้อยจนถึงปัจจุบันนี้
ด้านความมีเมตตาและวาจาสิทธิ์ : ศิษย์ยานุศิษย์และประชาชนที่เคารพนับถือศรัทธาพ่อท่านคล้ายได้เชื่อถือถึงความศักดิ์สิทธิ์ของวาจาพูดอย่างไรเป็นอย่างนั้น พ่อท่านคล้ายจะพูดจากับทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและแจ่มใสอารมณ์เยือกเย็นอยู่ตลอดเวลา ท่านมักจะให้พรกับทุกคน “ขอให้เป็นสุข เป็นสุข” ผู้ที่เคารพนับถือท่านต่างพากันกลัวคำตำหนิ เพราะผู้ที่ถูกตำหนิทุกรายล้วนแต่พบความวิบัติ คนส่วนมากจึงหวังที่จะได้รับคำอวยพร เพราะคำเหล่านั้นเป็นการพยากรณ์ที่แม่นยำทั้งในทางดีและทางเสื่อมเสีย คนที่ไปนมัสการหวังที่จะได้วัตถุมงคล บ้างขอน้ำมนต์ ชานหมาก แหวน ผ้ายันต์ เหรียญ รูปหล่อ รูปพิมพ์ ซึ่งพ่อท่านคล้ายก็ได้มีเมตตาให้กับทุกคน ยิ่งชานหมากของท่านหากใครได้รับจากมือท่านเป็นของที่มีค่ามาก
รุ่นสำเร็จทุกประการรุ่นแรกเช่าได้ที่นี่
รุ่นสำเร็จทุกประการรุ่นแรกชุดกรรมการเช่าได้ที่นี่