เปิดประวัติ 5 พระเกจิอาจารย์ ที่ถูกพูดถึงในยุคปี 2567 มีหลากหลายรูป แต่ละรูปก็มีบทบาทหรือถูกพูดถึงที่แตกต่างกันออกไป ในที่นี้ คงกระพันสโตร์จะขอยกเอาบารมีครูบาอาจารย์ที่มีความสามารถแตกต่างในแต่ละด้านมา 5 รูป จากบรรดาเกจิทั่วประเทศไทย เก่งด้านไหนตามมาดูครับ..
หลวงปู่ศิลา สิริจันโท "เชื่อว่าท่านสำเร็จวิชาญาณหยั่งรู้"
หลวงปู่พระมหาศิลาสิริจันโท เป็นพระสงฆ์ที่นับถืออย่างสูงในสายวิปัสสนากรรมฐาน มีชื่อเดิมว่า ศิลา นิลจันทร์ เกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2488 ในครอบครัวที่เคร่งครัดในพระพุทธศาสนา ท่านได้รับการบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุเพียง 15 ปี ณ วัดธาตุประทับ และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในมหานิกายเมื่อปี พ.ศ. 2509 ณ วัดบูรพาภิราม จ.ร้อยเอ็ด ภายใต้การนำของพระสิริวุฒิเมธี (เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ดในขณะนั้น) ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ หลวงปู่พระมหาศิลาได้ศึกษาพระธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นเอกและเปรียญธรรม 6 ประโยค และได้รับพัดเปรียญจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เมื่อปี พ.ศ. 2515 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ปาฏิหาริย์และความอัศจรรย์ในชีวิตของหลวงปู่เริ่มเปิดเผยผ่านเส้นทางการจาริกแสวงบุญ ท่านได้ธุดงค์ไปหลายพื้นที่ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น ประเทศลาว ในช่วงปี พ.ศ. 2517 ท่านได้เดินธุดงค์ในป่าลึก และมีประสบการณ์ทางธรรมที่ยิ่งใหญ่ ท่ามกลางความเงียบสงัดของภูเขาและธรรมชาติ ท่านได้รับการถ่ายทอดธรรมจากครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณ เช่น หลวงปู่ทองมา ถาวโร, หลวงปู่มหาบุญมี สิรินธโร, และหลวงปู่ลีกุสลธโร ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ในสายปฏิบัติที่มีพลังแห่งความสงบและปาฏิหาริย์ในญาณหยั่งรู้
ความพิเศษของหลวงปู่พระมหาศิลายังอยู่ที่ท่านสามารถอ่านและศึกษาคัมภีร์ใบลาน ซึ่งเป็นอักษรธรรมโบราณของลาวและอีสานได้อย่างลึกซึ้ง ท่านได้เรียนรู้คัมภีร์หลายฉบับในสายสมเด็จลุน จนทำให้ท่านเป็นที่เคารพนับถือในสายวิปัสสนากรรมฐาน โดยเฉพาะในเรื่องญาณหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า เหล่าศิษยานุศิษย์หลายคนได้ประจักษ์กับตาถึงการที่ท่านสามารถทำนายเหตุการณ์และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 หลวงปู่พระมหาศิลาได้ปลีกวิเวกไปตามป่าช้าร้างหลายแห่ง เพื่อฝึกสมาธิและปฏิบัติธรรมในสถานที่ที่เงียบสงบ จนกระทั่งท่านได้รับการกราบนิมนต์จากหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีสะอาดให้มาจำพรรษา ณ วัดนั้น และสร้างกุฏิถวายท่านเป็นการถาวร การบำเพ็ญธรรมของหลวงปู่ท่านได้สร้างแรงศรัทธาให้กับชาวบ้านและเหล่าศิษยานุศิษย์ทั่วทั้งภาคอีสาน นอกจากนี้ พระธรรมรัตนดิลก เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวราราม ยังได้แสดงความเคารพในบารมีของหลวงปู่ด้วยการนิมนต์ท่านเข้าร่วมในพิธีพุทธาภิเษกและงานสำคัญทางศาสนาต่างๆ
ปาฏิหาริย์และญาณหยั่งรู้ของหลวงปู่พระมหาศิลา เป็นสิ่งที่ทำให้ท่านเป็นที่เคารพและศรัทธาในหมู่ศิษยานุศิษย์มากมาย ไม่เพียงแค่เพราะความรู้ในพระธรรมและวิปัสสนาเท่านั้น แต่เพราะท่านยังมีพลังอันเร้นลับที่หลายคนเชื่อว่าเกิดจากการบำเพ็ญธรรมอย่างลึกซึ้ง
หลวงพ่อสง่า ติกขวีโร "เชื่อว่าที่ดินใดขายไม่ได้ ต้องหลวงพ่อสง่า"
เจ้าอาวาสวัดเขาไม้แดง เป็นพระเถระที่ได้รับความเคารพอย่างสูง ท่านเป็นชาวชลบุรีโดยกำเนิด เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2507 และมีความมุ่งมั่นในการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมตั้งแต่วัยเยาว์ ท่านจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนบ้านห้วยกุ่ม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ในปี พ.ศ. 2519 จากนั้นในปี พ.ศ. 2529 หลังอุปสมบท ท่านสอบได้นักธรรมเอกที่วัดเขาไม้แดง และศึกษาต่อในหลักสูตรพระสังฆาธิการจนสำเร็จในปี พ.ศ. 2547 รวมถึงหลักสูตรพระนักเทศน์ประจำจังหวัดชลบุรีในปี พ.ศ. 2552
เส้นทางการศึกษาของหลวงพ่อสง่าไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ท่านยังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาบัตรจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ด้านการจัดการเชิงพุทธ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของท่านในการพัฒนาตนเองเพื่อประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและสังคม
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวที่ทำให้หลวงพ่อสง่าได้รับการเคารพนับถือในสายตาของศิษยานุศิษย์เป็นพิเศษ คือการที่ท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อยงยุทธ ธัมมโกสโล อดีตเจ้าอาวาสและเกจิชื่อดังแห่งวัดเขาไม้แดง ท่านดูแลปรนนิบัติหลวงพ่อยงยุทธอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาหลายปี ทำให้ได้รับการถ่ายทอดวิชาพุทธาคมที่ทรงพลังจากครูบาอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นวิชาเบิกพระแม่ธรณี หรือ "วิชานะกินไม่รู้สิ้น" ที่เป็นที่เลื่องลือในหมู่ผู้ศรัทธา
ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากวิชาเหล่านี้ได้สร้างความเชื่อและความศรัทธาอย่างลึกซึ้งในหมู่ประชาชน หลายคนเล่าว่าพลังของหลวงพ่อสง่าในวิชานี้ไม่เพียงแต่ใช้ในการปกป้องและช่วยเหลือผู้อื่น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความเมตตาและการปกป้องจากพระแม่ธรณีที่ทรงพลัง หลายครั้งที่ผู้คนมาพึ่งบารมีท่านเพื่อล้างสิ่งไม่ดีและเปิดทางให้ชีวิตมีความรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่อง นับเป็นเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่ยังคงถูกกล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิ์และความล้ำลึกในวิชาพุทธาคมที่ท่านได้รับการถ่ายทอด
การบำเพ็ญตนและความรู้ที่ลึกซึ้งของหลวงพ่อสง่าไม่เพียงแต่ทำให้ท่านเป็นที่เคารพในวงการสงฆ์ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ศิษยานุศิษย์นับไม่ถ้วนที่ได้พบเห็นและสัมผัสถึงความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากวิชาและปาฏิหาริย์ของท่าน
หลวงพ่อสมบูรณ์ รตนญาโณ "ตระกรุดหนุนดวง ใครดวงดี ก็ดียิ้งขึ้น ใครดวงตกก็หนุนดวง ดังไกลถึงจีนแผ่นดินใหญ่"
เป็นพระผู้ทรงศีลและมีบารมีที่มากล้น ท่านได้รับความเคารพนับถืออย่างสูงจากศิษยานุศิษย์ทั่วสารทิศ หลวงพ่อสมบูรณ์ เกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2501 ที่บ้านหนองหว้า ตำบลหนองไฮ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ในครอบครัวเกษตรกร ท่านเริ่มต้นการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนบ้านนาโนน ก่อนที่จะเริ่มต้นเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องราวปาฏิหาริย์และความศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้
เรื่องราวปาฏิหาริย์แรกเริ่มจากวิชาที่ท่านได้รับถ่ายทอดจากครอบครัวโดยตรง โดยแม่ของท่านเป็นผู้สอนวิชาอาคมต่างๆ เช่น คาถามหาเสน่ห์ คาถาเป่าฝี คาถาเป่าพิษจากสัตว์ร้าย และวิชาสะเดาะเคราะห์ต่างๆ นอกจากนี้ ท่านยังได้รับการสอนวิชาหมอดูและตำราพรหมชาติเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในยามลำบาก จากนั้น หลวงพ่อสมบูรณ์ได้แสวงหาวิชาต่อจากอาจารย์ฆราวาสในพื้นที่ เช่น วิชาพรายกระซิบ และคาถาสาริกาที่สามารถเสริมเมตตามหานิยมได้อย่างน่าอัศจรรย์
ต่อมาในปี พ.ศ. 2521 ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีพระอธิการเครื่อง สุภทฺโท เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาทางธรรมว่า “รตนญาโณ” หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้เดินทางไปพำนักและศึกษาพระธรรมวินัย รวมถึงวิชาพุทธาคมกับหลวงปู่เสาร์ เจ้าอาวาสวัดพงพรต ซึ่งเป็นที่เลื่องลือในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และพลังแห่งตะกรุดโทน ตะกรุดฝนแสนห่า ที่ชาวบ้านต่างพากันเชื่อถือ
ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากวิชาพุทธาคมของหลวงพ่อสมบูรณ์นั้นได้รับการกล่าวขานถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะ “ตะกรุดหนุนดวง” ที่ท่านสร้างขึ้น ซึ่งเป็นวัตถุมงคลที่มีพลังในการเสริมดวงชะตาอย่างน่าอัศจรรย์ ผู้ที่บูชาไปต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความศักดิ์สิทธิ์ในการหนุนดวงชะตาให้รุ่งเรืองและประสบความสำเร็จในชีวิต
ไม่เพียงเท่านี้ หลวงพ่อสมบูรณ์ยังได้เรียนรู้วิชาตะกรุดโทนและตะกรุดเมตตามหานิยมจากหลวงปู่ใหญ่ลา วัดพงพรต รวมถึงวิชาอ้อป่องที่สามารถใช้เสริมพลังเมตตาและปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากชีวิต การผสมผสานวิชาต่างๆ ที่ท่านได้รับจากครูบาอาจารย์และอาจารย์ฆราวาสในพื้นที่ ทำให้ท่านกลายเป็นพระเกจิผู้มีพลังอันลึกซึ้งและศักดิ์สิทธิ์
ในท้ายที่สุด หลวงพ่อสมบูรณ์ได้รับการยกย่องเป็นพระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ท่านไม่เพียงแต่เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ แต่ยังเป็นผู้ค้ำจุนสืบทอดวิชาพุทธาคมที่ทรงพลังและสร้างความศรัทธาให้กับผู้คนมากมาย เรื่องราวปาฏิหาริย์ของท่านยังคงถูกเล่าขานสืบต่อไป
พระอาจารย์ประสูติ ปิยธัมโม "เตโชกสินไฟ ไม่เป็นสองรองใคร เครื่องรางสายเสน่ห์เมตตา ที่สุดสายใต้"
เจ้าอาวาสผู้ทรงพลังแห่งวัดห้วยยอด จังหวัดตรัง ท่านเป็นที่นับถืออย่างกว้างขวางในด้านวิชาพุทธาคมและความเชี่ยวชาญในการสร้างเครื่องรางของขลัง พระอาจารย์ประสูติ เป็นศิษย์เอกของ "พ่อท่านแสง" อดีตเจ้าอาวาสผู้เลื่องชื่อ ท่านได้สืบทอดวิชาจากพ่อท่านแสง ซึ่งเป็นพระเกจิที่ได้รับการยกย่องในเรื่องวิชาอาคมและปาฏิหาริย์มากมาย
พระอาจารย์ประสูติ มีนามเดิมว่า สูตร คงฤทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2508 ที่บ้านห้วยหลุด ตำบลห้วยยอด จังหวัดตรัง ท่านเติบโตในครอบครัวชาวสวนยางพารา โยมบิดาและมารดาของท่านได้ส่งเสริมการศึกษาตั้งแต่วัยเยาว์ โดยท่านเรียนจบชั้นประถมที่โรงเรียนบ้านทุ่งต่อ อำเภอห้วยยอด ในช่วงนั้นเองที่ท่านได้มีโอกาสพำนักอยู่ที่วัดในเตา พร้อมศึกษาวิชาจากพ่อท่านแสง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่เส้นทางแห่งการสืบทอดวิชาอาคม
เมื่ออายุครบ 20 ปี ในปี พ.ศ. 2529 พระอาจารย์ประสูติได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดห้วยยอด โดยมีพระครูนิมิตสังฆคุณเป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบท ท่านมุ่งมั่นศึกษาพระธรรมวินัยจนสอบได้นักธรรมชั้นเอก จากนั้นท่านจึงออกธุดงค์ เพื่อแสวงหาความรู้จากพระอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในแต่ละภูมิภาค ท่านได้เรียนวิชาจากครูบาเหมย วัดศรีดงเย็น จังหวัดเชียงใหม่ และจากหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดถ้ำแผด จังหวัดกาญจนบุรี รวมถึงพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในภาคใต้ เช่น หลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน จังหวัดชุมพร และหลวงปู่ชื่น วัดทุ่งชน จังหวัดตรัง
หนึ่งในเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่ท่านสืบทอดและเป็นที่เลื่องลือ คือ "วิชาหุ่นพยนต์" ที่ท่านได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อท่านแสง หุ่นพยนต์ของพระอาจารย์ประสูติมีความเชื่อกันว่าเป็นเครื่องรางที่ทรงพลัง มีความสามารถป้องกันอันตราย ช่วยปัดเป่าภัยพิบัติ และยังเสริมพลังเมตตามหานิยม วัตถุมงคลที่ท่านสร้างไม่ว่าจะเป็นตะกรุด หุ่นพยนต์ หรือหน้ากากมโนราห์ ต่างมีพุทธคุณเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง โดยเฉพาะ "หุ่นพยนต์รุ่นแรก" ที่หายากมากจนแทบไม่มีหมุนเวียนในตลาดพระ เป็นที่ต้องการของลูกศิษย์และผู้ศรัทธาอย่างมาก
หุ่นพยนต์ของท่านมีหลายแบบ บางรุ่นทำจากตะกรุดจารอักขระ โดยด้ายที่ร้อยจะเป็นสีเหลืองทองในยุคแรก ส่วนในยุคต่อมาจะใช้ไหมสีขาว และรุ่นที่โดดเด่นที่สุดคือ “หุ่นพยนต์มงคลเก้า” หรือ "หุ่นพยนต์มหามงคล 9" ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องรางที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ผู้ศรัทธา
นอกจากหุ่นพยนต์แล้ว พระอาจารย์ประสูติยังได้สร้างวัตถุมงคลที่มีพุทธคุณหลากหลาย อาทิ ตะกรุด ผ้ายันต์ ศาสตร์ดวงตราพลังจักรวาล รวมถึง "เสือนอนกิน" และ "เจ็ดนารีพันหลัก" ที่เสริมดวงชะตาและเมตตามหานิยมอย่างล้นเหลือ เรื่องราวการปลุกเสกเครื่องรางของขลังเหล่านี้เป็นตำนานที่ยังคงถูกเล่าขานถึงปาฏิหาริย์และพุทธคุณที่ไม่เคยเสื่อมคลาย
พระอาจารย์อดิเรก "พระหนุ่มผู้เชี่ยวชาญพระเวทย์ มีชื่องานพุทธาภิเษกมากที่สุด"
หรือ "พระครูธรรมธรอดิเรก อนุตฺตโร" เป็นพระสงฆ์ผู้มีชื่อเสียงและทรงคุณธรรมแห่งวัดหนองทราย จังหวัดสุพรรณบุรี ท่านเป็นที่เคารพนับถืออย่างกว้างขวางทั้งในเรื่องของวิชาพุทธาคมและการพัฒนาวัดและชุมชน พระอาจารย์อดิเรกได้ศึกษาเรียนรู้วิชาอาคมตั้งแต่วัยเยาว์ และด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า ท่านได้ถ่ายทอดวิชาและปาฏิหาริย์ที่ได้รับมาจากปู่ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ "หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่" ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองสุพรรณ
พระอาจารย์อดิเรก มีนามเดิมว่า "อดิเรก สว่างศรี" เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2533 ตรงกับปีมะเมีย ณ ตำบลหนองราชวัตร อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี ท่านเกิดในครอบครัวที่มีบิดามารดาเป็นชาวสวน จากวัยเด็ก พระอาจารย์อดิเรกได้ช่วยงานในครอบครัว รวมถึงการเลี้ยงวัวกับปู่ ซึ่งท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมหลายประการ เช่น การคัดเลือด เสกน้ำล้างหน้า และคาถามหาอุด ซึ่งวิชาที่ได้เรียนรู้นี้มีพุทธคุณเป็นที่เลื่องลือในด้านการปกป้องและเสริมเมตตาบารมี
หลังจากท่านบรรพชาเป็นสามเณรในวัย 18 ปี และต่อมาอุปสมบทในปี พ.ศ. 2553 ท่านก็ได้มุ่งมั่นศึกษาธรรมะและพุทธาคมจากพระเกจิอาจารย์หลายรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านได้เรียนวิชาสักยันต์จาก "หลวงพ่อพัฒน์" พระสงฆ์ผู้มากด้วยบารมีจากภาคใต้ ซึ่งพักจำพรรษาที่วัดหนองราชวัตร พระอาจารย์อดิเรกได้รับการครอบตำราสักยันต์และศึกษาวิชากรรมฐานจนมีความเชี่ยวชาญ หลังจากนั้น ท่านจึงได้สักยันต์ให้กับลูกศิษย์เป็นจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่เลื่องลือในด้านพุทธคุณและปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นตามมา
อีกหนึ่งในเรื่องราวที่โดดเด่น คือ พระอาจารย์อดิเรกได้รับตำราวิชาจาก "หลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขา" ผ่านปู่วัง สูงปานเขา ผู้เป็นลูกของปู่เหรียญ วิชาที่พระอาจารย์ได้รับนี้ว่ากันว่าเป็นตำราวิชาที่ล้ำค่ามาก และอาจเชื่อมโยงกับสายวิชาของ "หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า" ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับตำนาน
นอกจากการเป็นพระอาจารย์ผู้มีพุทธาคม พระอาจารย์อดิเรกยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวัดหนองทรายและชุมชนรอบข้าง ท่านได้นำคณะลูกศิษย์และชาวบ้านร่วมกันสร้างวิหาร ศาลาเรือนไทย เจดีย์ และปรับปรุงภูมิทัศน์ของวัดเพื่อให้สวยงามและเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านและผู้ศรัทธาสามารถเข้ามากราบไหว้ได้อย่างสงบสุข
การดำรงตำแหน่งของพระอาจารย์อดิเรกที่สำคัญ ได้แก่ การได้รับแต่งตั้งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ในปี พ.ศ. 2558 และการเป็น "พระครูธรรมธร" เมื่อปี พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นเกียรติอย่างสูงสุดในฐานะพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ด้วยพุทธคุณและปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นในวัตถุมงคลและการสักยันต์ของพระอาจารย์อดิเรก ท่านจึงเป็นที่ศรัทธาและนับถือของคนในชุมชน รวมถึงลูกศิษย์ที่มาขอพรและพุทธาคมอย่างไม่ขาดสาย
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงพระเกจิอาจารย์บางรูปเท่านั้น ยังมีอีกเป็นร้อยเป็นพันที่ท่านเก่งกาจเป็นที่พึ่งของคนไทย
เครดิตข้อมูล : google.com / wikipidia /และคณะลูกศิษย์ที่ให้ข้อมูล