มีเรื่องเล่ากันว่า พระอุเชนทร์ แต่เดิมนั้นได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่ถ้ำพรรณรา (ในอดีตเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอฉวาง) และถูกนำมาจากถ้ำพรรณราเพื่อนำมาประดิษฐานที่ว่าการอำเภอฉวางเก่าในปี พ.ศ.๒๔๔๒ โดยสมัยนั้นเรียกว่า “วังอ้ายล้อน” ต่อมามีการย้ายที่ว่าการอำเภอ วังอ้ายล้อนจึงถูกทิ้งให้เป็นป่ารกร้าง (ปัจจุบันคือสวนของชาวบ้านอยู่ตรงข้ามกับวัดโคกหาดตั้งอยู่ริมคลองที่ไหลมาจากคุดด้วน) เข้าใจว่าไม่ได้มีการนำ พระอุเชนทร์ ไปด้วย
หลังจากนั้นก็เกิดสิ่งประหลาดบ่อยครั้งคือ ชาวบ้านมักได้ยินเสียงโห่ร้องเหมือนคนโห่ดัง แหวๆๆ โดยดังมาจากทางวังอ้ายล้อน เป็นแบบนี้อยู่ประมาณ ๑๐ กว่าปี ชาวบ้านละแวกนั้นมักจะนิยมบนบานต่อ พระอุเชนทร์ ให้พืชผลไร่นาออกผลดี ไม่ให้ช้างมาเหยียบหรือมาทำลาย โดยชาวบ้านไม่ทราบว่า พระอุเชนทร์ ประดิษฐานอยู่ตรงจุดไหนเพียงแต่ไปบนบาน ณ สถานที่ที่พระอุเชนทร์เคยประดิษฐานอยู่ โดยจะบนบานด้วยเทียน ๓ ง่าม คือเทียนที่มัดติดกัน ๓ ด้าม แล้วแยกออกจากกันเป็น ๓ ง่าม
อยู่มาวันหนึ่งนายด้วน และนายเงิน ทองบัว สองพ่อลูกได้บนบานต่อ พระอุเชนทร์ เหมือนกับชาวบ้านทั่วไป แต่เขากลับลืมแก้บน ต่อมาขณะที่นายด้วนกำลังเดินทางไปเรียนหนังสือยังวัดสวนขัน มือของนายด้วนเกิดติดกันโดยไม่สามารถแยกออกจากกันได้ นายด้วนคิดออกว่าสงสัยจะลืมแก้บน
พระอุเชนทร์ แน่นอน แต่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ระหว่างทางกลับบ้านคนที่ไปเรียนกับนายด้วนเห็นคนไม่มีหัวถือกระบองยืนขวางทางอยู่ เป็นดังนั้นคนผู้นั้นจึงรีบวิ่งไปบอกพ่อแม่ของนายด้วน เมื่อรับนายด้วนกลับมาจึงทำพิธีขอขมาและแก้บนกับ พระอุเชนทร์ เหตุการณ์จึงกลับเป็นปกติ
หลังจากนั้นประมาณปีเศษนายเงินและนายด้วน พากันไปหาหวายในป่า เพื่อนำไปขาย ระหว่างที่ทั้งสองฟันลงไปที่โคนต้นไม้ ปรากฏว่าไปถูกกระทบกับหิน ทั้งสองเข้าใจว่าเป็นหินลับมีด พอพลิกดูก็ปรากฏเป็นรูปช้าง มีงวง มีงา มีหัว นายเงินจึงบอกนายด้วนว่า “นี่แหละพระอุเชนทร์” ทั้งสองจึงยก พระอุเชนทร์ พิงไว้กับต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น พระอุเชนทร์ จึงแสดงอภินิหารทำให้ฝนตกติดต่อกันเจ็ดวันเจ็ดคืน นายเงินคิดว่าฝนตกติดต่อกันหลายวันต้องเป็นเพราะ พระอุเชนทร์ แน่ จึงกลับไปพลิกเอาหน้า พระอุเชนทร์ ลงกับพื้นดิน ฝนที่ตกหนักจึงกลับมาแล้งทันที
ต่อมา เมื่อครั้งที่พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ พระเถระผู้ได้รับการยกย่องว่า ท่านคือเทวดาเมืองนครศรีธรรมราช ยังครองวัดสวนขันอยู่นั้น พ่อท่านคล้ายได้ทราบถึงเรื่องจากคำเล่าลือกันของชาวบ้าน ถึงเรื่องอภินิหารจากคำเล่าลือกัน ว่า พระอุเชนทร์ จมอยู่ใต้น้ำที่คุ้งน้ำ วังอ้ายล้อน แต่ไม่มีใครไม่สามารถนำขึ้นมาได้ จมมานานแค่ไหนไม่มีใครรู้ แต่ไม่กล้าบอกให้ใครทราบหลายปีผ่านไป พระอุเชนทร์ แสดงอภินิหาร โดยจะมีเสียงช้างร้องดังมากในเวลากลางคืน ยิ่งเป็นวันพระ ยิ่งร้องเสียงดัง ทำเอาชาวบ้านละแวกนั้นต่างหวาดกลัว พ่อท่านคล้ายทราบเรื่องนี้จึงบอกว่า “นั่นคือ เสียงพระอุเชนทร์” จึงเรียก นายเงินไปพบ เมื่อพ่อท่านคล้ายทราบเรื่องพระอุเชนทร์โดยละเอียดแล้ว เมื่อถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ตรงกับวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๙ พ่อท่านคล้ายพร้อมด้วยชาวบ้านได้พาเรือของเจ๊กกวด เป็นเรือยาวประมาณ ๓ วา ล่องมาทางคลองคุดด้วน ระหว่างนั้นฝนตกหนักมาก ทั้งหมดเดินทางไปจนถึงที่พระอุเชนทร์ประดิษฐานอยู่ พ่อท่านคล้ายได้ทำพิธีอัญเชิญกลางสายฝน โดยจุดเทียนขึ้นมากลางสายฝนโดยเทียนไม่ดับ เมื่อสารวัตรเสน เข้าไปอุ้ม พระอุเชนทร์ เทียนก็ดับทันที ระหว่างกลับวัดพ่อท่านคล้ายถามว่า “หนักม้ายละบ่าว” สารวัตรเสนตอบว่า “ไม่หนัก” ระหว่างที่พ่อท่านคล้ายล่องเรือกลับพร้อมชาวบ้านที่ไปงมเอา พระอุเชนทร์ ขึ้นมา เกิดลมแรงและฝนตกหนักมากทั่วบริเวณ พ่อท่านคล้ายจึงพูดขึ้นว่า “ที่ยังกว้าง ฝนตกไม่ถึงเรือ” ปรากฏว่าก็เป็นจริงดังนั้นฝนตกไปได้เพียงครึ่งทางก็หยุด โดยฝนตกไล่ตามหลังเรือมาแต่ตามมาไม่ถึงเรือจนถึงวัดสวนขัน
เมื่อถึงวัดสวนขัน มีชาวบ้านประมาณ ๒๐๐ คนมารอรับ ทั้งหมดได้ตั้งขบวนแห่พระอุเชนทร์ไปประดิษฐานที่กลางพระอุโบสถ และทำพิธีสมโภชอย่างยิ่งใหญ่ ปัจจุบันพระอุเชนทร์องค์นี้ยังคงประดิษฐานอยู่ที่วัดสวนขันบนกุฎิหลังเก่าของพ่อท่านคล้าย อยู่เป็นคู่บุญบารมีกับพ่อท่านคล้ายตลอดมา ว่ากันว่า ท่านใดมีบุญได้ไปกราบ พระอุเชนทร์ คู่บารมีพ่อท่านคล้ายท่านจะประสบสุข ความเจริญ ขอสิ่งใดได้หวัง เพราะท่านเป็นเทพเเห่งการประทานพรเเละการประสพความสำเร็จ ในชีวิตการงาน การเงินครอบครัว โภคทรัพย์ ป้องกันสิ่งไม่ดีได้
Cr.ประยูร อร่ามเรือง
แต่ก็มีเรื่องเล่าอีกแนวทางหนึ่งว่า : จากหนังสือพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ โดยษรวัฒน์และคณะ
ตอนที่ย้ายที่ว่าการอำเภอฉวางเก่าจากวังอ้ายล้อนมานั้น ระหว่างทางคนงานผู้ขนย้ายสิ่งของได้ทำ พระอุเชนทร์ ตกน้ำ โดยไม่สามารถนำขึ้นมาได้ แต่ไม่กล้าบอกให้ใครทราบ จนกระทั่งพ่อท่านคล้ายไปอัญเชิญกลับขึ้นมา พระสมุห์อิ่มเล่าว่า พระอุเชนทร์ ก่อนหน้านี้มีงาทั้งสองข้าง มีอิทธิฤทธิ์อภินิหารมากมาย พ่อท่านคล้ายได้ตัดงาออกเสียหนึ่งข้าง
หลังจากนั้นต่อมา พระอุเชนทร์ ได้เคยถูกขโมยไปจากวัดในปี พ.ศ.๒๕๑๖ หลังพ่อท่านคล้ายมรณภาพไปแล้ว ถูกขโมยไปขายที่กรุงเทพในราคา ๑,๖๐๐ บาท หลวงพ่อเดช, นายสิริ พาณิชกุล, สิบเอกสุฤทธิ์ นวลนุช และโจรกลับใจ ๑ ท่าน ได้ไปสืบหาจนพบร้านที่เอาไปขายที่กรุงเทพ ได้บอกเรื่องราวต่างๆให้เจ้าของร้านทราบ เจ้าของร้านก็ยอมคืนให้โดยดี โดยไม่คิดเงินและทำบุญมาอีก ๕๐๐ บาท นี่คงเป็นอภินิหารอีกอย่างหนึ่งของ พระอุเชนทร์ และเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่าพระอุเชนทร์องค์นี้คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บุญบารมีของพ่อท่านคล้าย จะต้องประดิษฐานอยู่ที่วัดสวนขันตลอดไป เมื่อได้ พระอุเชนทร์ กลับมาพบว่าถูกเจาะพระนาภีหรือสะดือ เข้าใจว่าคนร้ายนึกว่ามีทองคำซ่อนอยู่ พระครูนิมมานโกศล(หลวงพ่อเริ่ม) ได้สร้างฐานและตกแต่งให้สมบูรณ์ ปัจจุบันพระอุเชนทร์ประดิษฐานอยู่ที่กุฏิเจ้าอาวาสวัดสวนขัน และได้ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรเป็นโบราณวัตถุเป็นสมบัติของชาติ
#เคล็ดลับการขอพร เรื่องงาน เรื่องเงิน ธุรกิจการค้า เรื่องการเรียน และที่เลื่องลือคือเรื่อง ขอยศ ขอตำแหน่ง
คาถาบูชาไหว้พระอุเชนทร์ (พระพิฆเนศ) เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ ขอพรแล้วได้ดั่งใจหวัง
รวมคาถาบูชา พระอุเชนทร์ (พระพิฆเนศ) แบบต่าง ๆ พร้อมวิธีเตรียมของไหว้ และขั้นตอนการสักการะ พระอุเชนทร์ (พระพิฆเนศ) ไหว้ได้ทุกเพศทุกวัย ขอพรได้ไม่จำกัด ช่วยเรื่องพ้นอุปสรรคและความสำเร็จโดยตรง
องค์ พระอุเชนทร์ (พระพิฆเนศ) เทพเจ้าที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าเราจะไปไหนในประเทศไทย ก็มักจะเห็นองค์รูปปั้น พระพิฆเนศ อยู่เกือบทุกที ด้วยความที่องค์ พระอุเชนทร์ (พระพิฆเนศ) เป็นมหาเทพผู้ทรงภูมิปัญญายิ่งใหญ่ สามารถขจัดอุปสรรคและช่วยหนุนเรื่องความสำเร็จโดยตรง บูชาง่าย ไม่ต้องมีพิธีรีตรองเยอะ จึงทำให้ผู้คนทั่วโลกนิยมบูชากันอย่างแพร่หลาย
ไหว้ พระอุเชนทร์ (พระพิฆเนศ) ช่วยเรื่องอะไร
ตามความเชื่อแล้ว พระอุเชนทร์ (พระพิฆเนศ) ถือได้ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งจักรวาล ดังนั้นการสักการะบูชา พระอุเชนทร์ (พระพิฆเนศ) และการอธิษฐานขอพรใด ๆ ที่ไม่เกินวาสนาบารมี ย่อมสำเร็จได้ทุกสิ่งอย่าง องค์พระอุเชนทร์ (พระพิฆเนศ) ย่อมประทานพรให้สมปรารถนาเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การงาน การเงิน และความรัก อีกทั้งยังช่วยปัดเป่าอุปสรรค แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตลอดจนช่วยให้ทุกอย่างประสบผลสำเร็จ
Cr.https://praauchan.com/